สวลี ผกาพันธุ์ หรือชื่อจริงคือ
เชอร์รี่ เศวตนันทน์ เกิดเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2474
ที่กรุงเทพมหานคร จบการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนสตรีมหาพฤฒาราม เมื่อปี พ.ศ. 2490
จากนั้นได้เรียนต่อเพิ่มเติมทางด้านชวเลข และพิมพ์ดีด เมื่อเรียนจบแล้ว
ก็ได้เข้าทำงานเป็นเสมียนพิมพ์ดีดอยู่ที่เทศบาลนครกรุงเทพ และบริษัทสหไทยวัฒนา ความสนใจทางด้านการขับร้องและดนตรีของคุณสวลีนั้นเริ่มมาตั้งแต่ครั้งที่ยังเรียนอยู่ที่โรงเรียนสตรีมหาพฤฒาราม
และด้วยความที่เป็นผู้มีน้ำเสียงดี จึงได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำในการร้องเพลงชาติทุกวัน
ต่อมาในปี พ.ศ. 2491 ขณะที่อายุได้ 17
ปี และกำลังทำงานอยู่ที่บริษัทสหไทยวัฒนานั้น คุณมยุรี จันทร์เรือง
ซึ่งเป็นครูสอนวิชาขับร้องอยู่ที่โรงเรียนสตรีมหาพฤฒาราม
ได้ชวนไปชมการฝึกซ้อมละครของคณะผกาวลี ซึ่งเป็นคณะละครของญาติท่าน
ทำให้มีโอกาสได้รู้จักกับ ครูลัดดา สารตายน (ศิลปะบรรเลง) ซึ่งเป็นผู้ฝึกซ้อมและกำกับการแสดงละครของคณะนั้น
ครูมยุรีได้เล่าให้ครูลัดดาฟังว่าคุณสวลีสามารถร้องเพลงได้ดี
ซึ่งครูลัดดาก็เกิดความสนใจ จึงลองให้คุณสวลีร้องเพลงเพื่อทดสอบเสียงดู
โดยให้ร้องเพลงพระราชนิพนธ์สายฝน
ปรากฏว่าคุณสวลีได้แสดงความสามารถเป็นที่พอใจของครูลัดดา
ครูลัดดาจึงได้ชักชวนให้มาร้องเพลงสลับฉากละครในตอนเย็นหลังเลิกงาน
โดยเพลงที่คุณสวลีขึ้นเวทีร้องเป็นเพลงแรกในชีวิตมีชื่อว่าเพลง “หวานรื่น”
ผลงานเพลงของครูประสิทธิ์ ศิลปะบรรเลง โดยร้องคู่กับคุณวลิต
สนธิรัตน์ ในวันนั้น นอกจากจะเป็นวันที่เริ่มต้นชีวิตการเป็นนักร้องแล้ว
ยังเป็นวันที่มีความสำคัญยิ่งอีกประการหนึ่ง กล่าวคือ
เป็นวันที่ครูลัดดาได้ตั้งชื่อให้ท่านใช้ในการแสดงว่า “สวลี
“ อีกด้วย (ส่วนนามสกุล “ผกาพันธุ์”
นั้น คุณสด กูรมะโรหิต เป็นผู้ตั้งให้ในเวลาต่อมา) จากนั้นมา
คุณสวลีก็ได้มีโอกาสร้องเพลงสลับฉากเพิ่มขึ้น
และยังได้เริ่มแสดงเป็นตัวประกอบในละครของคณะผกาวลีโดยมีบทพูดเล็กๆ น้อยๆ
และร้องเพลงในเรื่องด้วย เมื่องานการขับร้องเพลงและการแสดงละครมีมากขึ้น
คุณสวลีจึงตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อมาทำงานด้านการบันเทิงอย่างเต็มตัว
และไม่นานต่อมา ท่านก็ได้รับบทนางเอกเป็นครั้งแรกในการแสดงละครเรื่อง “ความพยาบาท”
ทำให้นาม สวลี ผกาพันธุ์ นี้ เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป
จากนั้นมา ท่านก็ได้แสดงเป็นนางเอกละครอีกหลายเรื่องจนคณะผกาวลีเลิกกิจการลง
จึงได้ย้ายไปแสดงอยู่กับคณะอัศวินการละคร
โดยเริ่มงานด้วยการแสดงเป็นนางเอกเรื่อง “มโนราห์”
ซึ่งมี คุณสุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ เป็นพระเอก
และยังได้แสดงละครเรื่องอื่นๆ อีกหลายเรื่อง ละครเรื่องที่ได้รับความนิยมสูงสุดก็คือเรื่อง
“บ้านทรายทอง” บทประพันธ์อมตะตลอดกาลของ
ก.สุรางคนางค์ที่ต่อมาได้มีผู้นำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์
และภาพยนตร์อีกหลายครั้ง โดยคุณสวลีนับเป็นผู้ที่ได้รับบทเป็น “พจมาน”
คนแรก ในครั้งนั้น คุณสวลีได้ร้องเพลง “หากรู้สักนิด”
ผลงานการประพันธ์ของหม่อมหลวงประพันธ์ สนิทวงศ์
จนเป็นเพลงที่โด่งดัง และได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากการแสดงกับคณะอัศวินการละครแล้ว
คุณสวลียังได้ร่วมแสดงกับคณะเทพศิลป์ และคณะศิวารมย์เป็นครั้งคราวอีกด้วย หลังจากที่ได้แสดงละครกับคณะละครต่างๆ
มาแล้วหลายคณะ คุณสวลีจึงได้ร่วมกับ อดีศักดิ์ เศวตนันทน์ ผู้เป็นสามี
ตั้งคณะละครชื่อ “ชื่นชุมนุมศิลปิน” ขึ้นซึ่งก็ประสบความสำเร็จเป็นอันดี
จนกระทั่งถึงยุคที่ละครเวทีซบเซาลงโดยมีภาพยนตร์เข้ามาแทนที่
ท่านจึงยุติการแสดงละครเวทีไปโดยปริยาย ต่อมา ส.อาสนจินดา
ได้เริ่มสร้างภาพยนตร์ขึ้น
โดยชักชวนสมัครพรรคพวกที่เคยร่วมงานละครเวทีกันมาก่อนรวมทั้งคุณสวลีด้วย
มาแสดงภาพยนตร์ของท่าน ซึ่งคุณสวลีก็ได้รับบทเป็นนางเอกอยู่ระยะหนึ่ง
จากนั้นก็ได้มีโอกาสพากย์ภาพยนตร์ด้วย และเมื่อว่างจากงานแสดงและงานพากย์
ท่านก็ได้เริ่มร้องเพลงบันทึกแผ่นเสียง ผลงานการร้องเพลงที่
ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในยุคนั้นของท่านได้แก่เพลงลมหวน โรครัก
หน้าชื่นอกตรม และ รักมีกรรม เป็นต้น ครั้นเมื่อมีการก่อตั้งสถานีโทรทัศน์ช่อง
4 บางขุนพรหม
อันเป็นสถานีโทรทัศน์แห่งแรกของประเทศไทยขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2498
คณะชื่นชุมนุมศิลปินก็ได้เข้ามาจัดรายการโทรทัศน์เป็นคณะแรก
โดยเริ่มต้นด้วยการจัดรายการเพลง โดยมี ครูสมาน กาญจนผลิน เป็นผู้ควบคุมวง และมีนักร้องที่มีชื่อเสียงหลายท่าน
อาทิ สุเทพ วงศ์กำแหง, ชรินทร์ นันทนาคร,
นริศ อารีย์, พูลศรี เจริญพงษ์,
อดิเรก จันทร์เรือง รวมทั้งสวลี ผกาพันธุ์ มาร่วมรายการด้วย
และเมื่อคณะชื่นชุมนุมศิลปินเริ่มสร้างละครโทรทัศน์ขึ้น
คุณสวลีก็ได้เป็นกำลังสำคัญท่านหนึ่งที่ได้ทำให้ละครโทรทัศน์ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
ยิ่งไปกว่านั้น
ท่านยังเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายให้พากย์ภาพยนตร์ทางโทรทัศน์เป็นคนแรกคือเรื่องแลสซี่อีกด้วย
ในขณะเดียวกันสวลีก็ยังมีงานขับร้องเพลงบันทึกแผ่นเสียงควบคู่ไปด้วย
โดยมีทั้งเพลงที่ร้องเดี่ยว และร้องคู่ โดยเพลงที่ร้องคู่ส่วนใหญ่จะร้องคู่กับ
คุณสุเทพ วงศ์กำแหง เป็นหลัก ส่วนที่ร้องกับคนอื่นๆ ก็มี เช่น ชรินทร์ นันทนาคร,
นริศ อารีย์, ชาญ เย็นแข
และหม่อมราชวงศ์ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ เป็นต้น ด้วยประสบการณ์ในการทำงานอันหลากหลายของสวลี
ผกาพันธุ์ ที่มีมากมายหลายด้าน และผลงานในวงการบันเทิงแต่ละด้านก็ประสบความสำเร็จและได้รับความนิยมอย่างสูงโดยทั่วไป
ด้วยความที่เป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จถึงขีดสุดจนเป็นหนึ่งในทำเนียบแห่งศิลปินแห่งชาติท่านหนึ่งของประเทศไทย
|